18/05/2017

ถอนเงินจากบัตรสินเชื่อเงินสดถือเป็นหลักฐานการกู้ยืม

สมัยที่เทคโนโลยีก้าวหน้า คนก็เป็นหนี้สินกันง่ายขึ้น นอกจากบัตรเครดิตแล้ว ยังมีบัตรกดเงินสดอีก เพียงแค่คุณไปสมัครบัตรสินเชื่อเงินสดหรือบัตรกดเงินสด แล้วก็ไปกดเงินออกจากตู้ที่เหมือนตู้เอทีเอ็มคุณก็สามารถมีเงินสดใช้ได้ทันที พร้อมกับดอกเบี้ยที่แพงกว่าสินเชื่อทั่วไป เรียกได้ว่ารวดเร็วทันใจและสะดวกสบายแบบไม่ต้องมีคนค้ำประกันกันเลยทีเดียว

บัตรกดเงินสด
Image by: http://maxpixel.freegreatpicture.com/


สินเชื่อเงินสดก็คือการกู้ยืมเงินกันอย่างหนึ่งนั่นเอง เป็นสัญญากู้ยืมตามกฎหมายแพ่ง มีเจ้าหนี้เป็นสถาบันการเงิน และมีตัวเราเป็นลูกหนี้

สัญญากู้ยืมเงินตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (มาตรา 653 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) กำหนดให้การกู้ยืมเงินเกินกว่า 2,000 บาทขึ้นไป ต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืม คือ ต้องมี (1) หลักฐานเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษร และ (2) ลายมือชื่อผู้ยืม หากไม่มีสองอย่างนี้แล้ว จะยืมไปกี่แสนกี่ล้านก็จะมาพึ่งบารมีศาลฟ้องร้องบังคับคดีกันไม่ได้

บัตรกดเงินสดที่เรามีเนี่ย ตอนสมัครบัตรเรายังไม่ได้เงินของเขามาเลย สัญญากู้ยืมมันก็ยังไม่บริบูรณ์ จึงยังไม่ต้องพูดถึงหลักฐานแห่งการกู้ยืม แต่เมื่อเรากดเงินของเขาออกมาจากตู้แล้ว สัญญากู้ยืมมันก็บริบูรณ์ใช้บังคับกันได้ทันที เมื่อเราเอาเงินเขามาเราก็ต้องคืนเขาพร้อมดอกเบี้ย แต่หากเราดื้อไม่คืน ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย สถาบันการเงินเขาจะเรียกเอาเงินคืนเขาจะเอาหลักฐานแห่งการกู้ยืมที่ไหนไปฟ้องร้องเรา

เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงว่าเราจะรอด เพราะกฎหมายเขาคุ้มครองลักษณะการถอนเงินสดจากบัตรสินเชื่อเงินสดเอาไว้แล้วว่า การถอนเงินสดจากบัตรสินเชื่อเงินสดพวกนี้ ตอนเราสอดบัตรแล้วกดรหัสรอรับเงินเนี่ย ถือว่ามีหลักฐานแห่งการกู้ยืมแล้ว เนื่องจาก พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 มาตรา 7, 8, 9 เขาบอกว่า ห้ามมิให้ปฏิเสธความมีผลผูกพันและการบังคับใช้ทางกฎหมายของข้อความใดเพียงเพราะเหตุที่ข้อความนั้นอยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้การใดต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ  ถ้าได้มีการจัดทำข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเข้าถึงและนำกลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ให้ถือว่าข้อความนั้นได้หลักฐานเป็นหนังสือแล้ว โดยกรณีที่ต้องมีการลงลายมือชื่อในหนังสือ ให้ถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีการลงลายมือชื่อแล้ว ถ้าได้ใช้วิธีการที่สามารถระบุตัวเจ้าของลายมือชื่อ และสามารถแสดงได้ว่าเจ้าของลายมือชื่อรับรองข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นว่าเป็นของตน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกา 8089/2556 ได้วางแนวทางไว้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8089/2556 การที่จำเลยนำบัตรกดเงินสดควิกแคชไปถอนเงินและใส่รหัสส่วนตัวเปรียบได้กับการลงลายมือชื่อตนเอง ทำรายการเบิกถอนเงินตามที่จำเลยประสงค์ และกดยืนยันทำรายการพร้อมรับเงินสดและสลิป การกระทำดังกล่าวถือเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินจากโจทก์ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 มาตรา 7,8 และมาตรา 9 ประกอบกับคดีนี้จำเลยมีการขอขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้สินเชื่อเงินสดควิกแคชที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ ซึ่งโจทก์มีเอกสารซึ่งมีข้อความชัดว่าจำเลยรับว่าเป็นหนี้โจทก์ขอขยายเวลาชำระหนี้ โดยจำเลยลงลายมือชื่อมาแสดง จึงรับฟังเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมอีกโสดหนึ่ง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ฉะนั้น การถอนเงินจากบัตรสินเชื่อเงินสดจึงเป็นการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในเรื่องการกู้ยืมเงินอย่างหนึ่ง ซึ่งกฎหมายให้ความคุ้มครองเหมือนกับการกู้ยืมเงินในรูปแบบเดิมๆ และเมื่อมีบุญคุณก็ต้องตอบแทน เมื่อมีหนี้เงินก็ต้องชำระนะท่านผู้ชม





No comments:

Post a Comment