19/09/2016

เครื่องมือเก็บพยานหลักฐานจากหน้าเว็บไซต์

เมื่ออินเตอร์เน็ตถูกใช้อย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นโครงข่ายสื่อสารอันเป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน เว็บไซต์มากมายถูกสร้างขึ้นเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ของบริษัทห้างร้าน เว็บบล็อกส่วนตัว เว็บบอร์ดสนทนา หรือแม้กระทั่งเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเฟสบุค ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์นี่เองก็มักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด เช่น การฉ้อโกง หรือหมิ่นประมาท โดยเมื่อเราตกเป็นผู้เสียหายจากการกระทำความผิดจากหน้าเว็บไซต์นั้น เราจะมีการเก็บพยานหลักฐานเพื่อนำไปใช้ดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิดได้อย่างไร ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือ จับภาพหรือถ่ายภาพหน้าจอขณะเปิดเว็บไซต์ แต่นั่นเป็นวิธีที่อาจไม่น่าเชื่อถือเพียงพอ ทนายไอทีจึงขอแนะนำเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บหลักฐานจากหน้าเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือและสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลได้ด้วย


เครื่องมือนี้ชื่อ "Web Page Saver" ของบริษัท Magnet Forensics ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการด้าน Computer Forensics เป็นโปรแกรมบน Windows โดยสามารถดาวน์โหลดเครื่องมือดังกล่าวได้ฟรีที่
https://www.magnetforensics.com/free-tool-web-page-saver/


เมื่อดาวน์โหลดตัวติดตั้ง Web Page Saver มาแล้วก็ทำการติดตั้งโปรแกรมก่อน



ติดตั้งเสร็จแล้วก็เปิดโปรแกรมขึ้นมา หน้าตาโปรแกรมจะเป็นแบบนี้


แรกเริ่มก็ให้เพิ่ม URL ของเว็บไซต์ที่ต้องการก่อน (Web Page Saver ไม่สามารถเก็บหลักฐานจากหน้าเว็บเฟสบุคได้เพราะไม่สามารถล็อกอินเฟสบุคได้ และติด CAPTCHA เฟสบุคคิดว่าเป็น bot)





ต่อมาก็ตั้งค่าใน option โดยกำหนดให้ผลการเก็บหลักฐานเป็นไฟล์รูป jpg เพื่อให้นำไปใช้งานต่อได้ง่าย และตั้งชื่อรายงาน



หลักจากตั้งค่าเสร็จเรียบร้อยก็กด start ได้เลย จะมีหน้าต่างให้เลือกโฟเดอร์ที่จะใช้บันทึกไฟล์รายงานจากโปรแกรม ควรตั้งโฟลเดอร์ใหม่ให้สอดคล้องกับชื่อรายงาน


เมื่อโปรแกรมทำงานเสร็จแล้วจะปรากฏหน้าจอดังภาพ กด OK แล้วไปดูรายงานที่โฟลเดอร์ที่กำหนดไว้


เมื่อกดที่ไฟล์รายงานของโปรแกรม ไฟล์.htm จะปรากฏรายงานบันทึกหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการเป็นไฟล์รูป jpg ซึ่งไฟล์รูปนี้จะอยู่ในโฟลเดอร์ file อีกที



รายงานจากโปรแกรมนี้จะมี log.txt ซึ่งแสดงวันเวลาที่ทำการเก็บหลักฐานและแสดงให้เห็นกระบวนการทำงานของโปรแกรมว่าเสร็จสมบูรณ์หรือไม่ ซึ่ง log นี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พยานหลักฐานมีความน่าเชื่อถือ


เพียงเท่านี้ เราก็สามารถนำรายงานที่ได้จากโปรแกรม Web Page Saver นี้ไปใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีแก่ผู้ทำความผิดได้แล้ว














No comments:

Post a Comment